วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การเลี้ยงไหม (Silkworm rearing)

การเลี้ยงไหม (Silkworm rearing)



ไหม (silkworm) ที่กินใบหม่อนเป็นอาหารมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bombyx mori อยู่ในวงศ์ Bombycidae ไหมเป็นแมลงที่มีการเปลี่ยนแปลง รูปร่างแบบสมบูรณ์(Completely metamorphosis insect) แบ่งระยะการเจริญ เติบโตออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และผีเสื้อ มีเพียง ระยะตัวหนอนเท่านั้นที่กินอาหารและอาหารของหนอนไหมก็คือใบหม่อน หนอนไหม จะนำสารอาหารชนิดต่างๆ จากใบหม่อนไปสร้างความเจริญเติบโตโดยผ่านการ ย่อยและดูดซึมเป็นปริมาณ 1 ใน 3 ของสารอาหารทั้งหมด ครึ่งหนึ่งของโปรตีน ที่ดูดซึมจากใบหม่อนจะถูกนำไปใช้ผลิตสารไหม เมื่อถึงวัย 5 วันแรกต่อมไหม (silk gland) จะหนักเพียง 6.36% ของนำหนักตัวไหม เมื่อไหมสุกก่อนเข้า ทำรัง ต่อมไหมจะหนักถึง 41.97% จะเห็นว่าปลายวัยที่ 5 สารอาหารโดยเฉพาะ

โปรตีนเกือบทั้งหมดถูกเปลี่ยนไปเป็นสารที่ใช้ชักใยทำรังหรือเส้นไหมนั่นเอง พันธุ์ไหมที่ใช้เลี้ยงมีทั้งไหมพันธุ์ ไทย(Native Thai variety : Polyvoltine) พันธุ์ไทยลูกผสม(Thai hybrid variety)) และพันธุ์ลูกผสมต่าง ประเทศ(Foreign hybrid variety :Bivoltine) การเลี้ยงไหมโดยทั่วไปไหมจะมี5 วัย วัย 1-3 เรียกว่าไหม วัยอ่อน(Young silkworm) และวัย 4-5 เรียกว่าไหมวัยแก่(Grown silkworm) เมื่อไหมสุกจะทำรังโดย การพ่นเส้นใยห่อหุ้มคือ เส้นใยที่พ่นออกมาจากปากของตัวหนอนไหมที่โตเต็มวัยเพื่อมาห่อหุ้มตัวป้องกันศัตรู ทางธรรมชาติในขณะที่หนอนไหมลอกคราบจากหนอนไหมเป็นตัวดักแด้และไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หนอนไหมเป็นแมลงชนิดหนึ่งซึ่งมีการเจริญเติบโตจากไข่ไหม และเป็นตัวหนอนไหม ในขณะที่ เป็นตัวหนอนไหมจะเจริญเติบโตโดยการลอกคราบประมาณ 3-4 ครั้งในระยะเวลาประมาณ 20-22 วัน และจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 10,000 เท่า โดยการกินอาหารเพียงอย่างเดียว คือใบหม่อน และเมื่อเจริญ เติบโตเต็มที่แล้ว จะหยุดกินอาหาร แล้วพ่นเส้นใยออกมาห่อหุ้มตัวเอง ที่เราเรียกว่ารังไหม(Cocoon) ซึ่งมีลักษณะกลมรีคล้ายเมล็ดถั่ว เกษตรกรผู้เลี้ยงไหมไทยจะเก็บรังไหมไว้แล้วรีบสาวเส้นไหมให้เสร็จภายใน 10 วัน(กรมส่งเสริมการเกษตร, 2538) ก่อนที่ดักแด้ไหมจะกลายเป็นผีเสื้อและเจาะออกมาจากรังไหมทำให้ รังไหมเสียหายเมื่อนำไปสาวจะได้เส้นไหมที่มีคุณภาพต่ำ ผลผลิตรังไหมที่ได้ของเกษตรกรมีสีเหลือง ส่วนใหญ่ ได้มาจากพันธุ์พื้นเมืองและพันธุ์ไทยลูกผสม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น